โดย นางสาวแพรวพรรณ วงศ์บุญเพ็ง : โครงการนักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ รุ่นที่ 3
หลังจากที่ประเทศฟิลิปปินส์สิ้นสุดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยผู้ชนะการเลือกตั้งได้แก่ นายเบนิกโน ซิมยอน อาคิโน หรือที่ชาวฟิลิปปินส์รู้จักกันในนาม ?นอย นอย? บุตรชายของอดีตประธานาธิบดี คอรอซอน อาคิโน โดยนโยบายที่ทำให้ นอย นอย สามารถเอาชนะใจประชาชนฟิลิปปินส์ได้ก็ คือการปราบปรามคอรัปชั่น ในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่บั่นทอนการพัฒนาประเทศนี้อย่างที่สุด รวมถึงนโยบายการช่วยเหลือดูแลคนยากจน ที่มีอยู่จำนวนมากในประเทศ
อย่างไรก็ตามหลายตั้งข้อสังเกตว่า นโยบายของนาย นอย นอย ก็ยังไม่เป็นแรงกระตุ้นให้ประชาชนเลือกเขาได้มากพอเท่ากับการที่เขาเป็นบุตรชายของ อดีตประธานาธิบดี คอราซอน อาคิโน่ ที่ล่วงลับ
พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดีคนที่ 15 ของ นอย นอย ถือได้ว่าเป็นงานที่ประชาชนทั้งประเทศ รวมทั้งสื่อต่างชาติต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยพิธีสาบานตนของ ว่าที่ประธานาธิบดีนอย นอย ถูกจัดขึ้นในวันที่ 30 มิถุนายน 2553 โดยงานดังกล่าวมีชื่อเรียกภาษาอังกฤษว่า Inaugural Ceremony จัดที่สนามกีฬากลางแจ้ง Quirino Grandstand ในกรุงมะนิลา นอกจากเปิดโอกาสให้ประชาชนกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีคนใหม่ รวมถึงเครือญาติได้เข้าร่วมงานแล้ว กระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ ยังได้ออกจดหมายเชิญแขกผู้มีเกียรติจากประเทศต่างๆ อาทิ ประธานาธิบดีติมอร์ตะวันออก ผู้แทนระดับรัฐมนตรีจากประเทศในอาเซียน และผู้แทนพิเศษจากประเทศต่างๆ อีกด้วย?? สำหรับประเทศไทยนั้น นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้มอบหมายให้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ เป็นผู้แทนเข้าร่วมในพิธี
กำหนดการโดยย่อของ พิธีสาบานตนนี้ คือ ในเวลาประมาณ 12.00 น. ประธานาธิบดี เบนิกโน ซิมยอน อาคิโน่ จะขึ้นกล่าวคำสาบานตนต่อประชาชน กนั้นทหารม้ายิงปืนขึ้นฟ้า 21 นัด วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสำหรับประธานาธิบดี ?We say Mabuhay? จากนั้นประธานาธิบดีคนใหม่ จะได้อ่านแถลงการณ์เข้ารับตำแหน่งหน้าที่เป็นอันเสร็จพิธี
แต่ช่วงเวลาที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าช่วงเวลาที่ ประธานาธิบดีคนใหม่จะกล่าวสาบานตน นั่นก็คือ การเดินทางมาถึงสนามกีฬา Quirino Grandstand ซึ่งเป็นที่จัดงาน? ของประธานาธิบดี อาร์โรโย่ และ ว่าที่ประธานาธิบดี เบนิกโน ซิมยอน อาคิโน เนื่องจากตามธรรมเนียมของประเทศฟิลิปปินส์แล้ว ผู้นำคนใหม่ และ คนที่กำลังจะหมดวาระ จะต้องนั่งในรถคันเดียวกัน จากทำเนียบมาลากันยัง (Malaca?ang Palace) เพื่อเข้าสู่สนาม และ กล่าวคำปฏิญาณตน ต่อหน้าแถวทหาร โดยก่อนถึงวันดังกล่าว สื่อฟิลิปปินส์หลายฉบับต่างออกข่าวแซวว่า เรื่องที่ นอย นอย และประธานาธิบดี อาร์โรโย่ จะพูดคุยกันระหว่าง 10 นาที ก่อนมาถึงบริเวณพิธี เห็นจะไม่พ้นเรื่องลม ฟ้า อากาศ เป็นแน่
เมื่อขบวนมาถึง กล้องทุกกล้อง สายตาแทบทุกสายตา จับจ้องไปที่เวทีเล็กที่จัดเอาไว้ สำหรับให้ 2 ผู้นำ ยืนหน้าแถวทหาร (ก่อนจะมีการเดินตรวจแถวทหารในลำดับต่อไป)? แม้ผู้เขียนจะเห็นในระยะค่อนข้างไกล แต่แทบไม่น่าเชื่อว่า แม้กำลังจะก้าวลงจากตำแหน่ง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ มาดความเป็นผู้นำ หรือ ความดูดีมีอำนาจของ ประธานาธิบดี อาร์โรโย่ หมดไปเลยแม้แต่น้อย สตรีร่างเล็กผู้นี้ยังคงความสง่างามจากภายใน นับว่าเป็นสตรีที่มีบุคลิกภาพที่เข้มแข็งอย่างโดดเด่น (Strong Personality) อย่างที่สุด
ประธานาธิบดี อาร์โรโย่ ใช้เวลาอยู่ใน Grandstand นี้ไม่นาน หลักๆ คือ การกล่าวคำสัตย์ต่อหน้าแถวทหาร จับมือกับผู้นำคนใหม่ จากนั้นก็จะตรวจแถวทหารม้า หนึ่งรอบ? เป็นอันเสร็จพิธี แต่ทว่าช่วงเวลาสั้นๆของ ประธานาธิบดี อาร์โรโย่ ในสนามแห่งนี้ เป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจที่สุด หลายคนบอกว่าชอบภาพเหตุการณ์ตอนนี้มากที่สุด ภาพตอนประธานาธิบดี อาร์โรโย่ โบกมือให้ประชาชน ท่าทีที่สงบ และหนักแน่น เสียงที่ประชาชน (ทั้งที่อาจจะเป็นผู้สนับสนุน หรือ ไม่สนับสนุนก็ตาม) เปล่งเรียกชื่อเธอ ออกมาลั่นสนาม ทั้งหมดนี้สะกดอารมณ์คนในสนามกีฬาได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม สามารถตั้งข้อสังเกตได้ว่า น่าจะมีประชาชนฟิลิปปินส์ จำนวนไม่น้อย ที่แสดงความไม่พอใจต่อการบริหารประเทศของ ประธานาธิบดี อาร์โรโย่ เนื่องจากข้อกังขาในคดีทุจริตฉ้อราษฏร์บังหลวงของบุคคลรอบข้าง เช่น คดีการติดต่อกับ กกต. ก่อนการเลือกตั้งเมื่อปี 2547 คดีประมูลปุ๋ย คดีเครือข่ายดาวเทียม เป็นต้น? ซึ่งเห็นได้จากเสียงโห่ร้องและเสียงเชียร์ปะปนกัน ขณะที่ ประธานนาธิบดี นางอะโรโย เดินผ่านประชาชน เพื่ออำลาตำแหน่งประธานาธิบดี เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญฟิลิปปินส์ ผู้เป็นประธานาธิบดี? จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันได้แค่ 2 วาระ เท่านั้น จากนั้นต้องพักการลงเลือกตั้งเพื่อเป็นประธานาธิบดีไปอีกหลายปี ซึ่งสำหรับประธานาธิบดี อาร์โรโย่ นั้น ดำรงตำแหน่งมาแล้ว 2 วาระ รวมทั้งหมด 9 ปี
จากนั้นพอถึงเวลา ประมาณ 12.00ของวันที่ 30 มิย. 2553 ซึ่งเป็นเวลาที่ นาย เบนิกโน่? ซิมยอน อาคิโน ขึ้นกล่าวคำสาบานตน ก็เป็นอีกช่วงเวลาหนึ่ง ที่ผู้คนในสนามกีฬา Quirino Grandstand ต่างเงียบเสียง และจับจ้องไปบนเวที? เพื่อรอฟังคำกล่าวสาบานตนของผู้นำคนใหม่ของพวกเขา ซึ่งคำกล่าวสาบานตนมีใจความดังต่อไปนี้
"I do solemnly swear that I will faithfully and conscientiously fulfill my duties as president of Philippines , preserved and defend its constitution, execute its law do justice to every man , and consecrate myself to the service of the nation , So god help me."
และนี่คือภาพแห่งวินาทีประวัติศาสตร์? ที่ของประเทศฟิลิปปินส์ ที่ นาย เบนิกโน่? ซิมยอน อาคิโน หรือ ที่เรียกว่า (Mr. Benigno Simeon? C.Aquino III) กล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ ต่อหน้าแถวทหาร และ ต่อหน้าประชาชนชาวฟิลิปปินส์
หลังจากปฏิญาณตนจบ คณะผู้จัดงานได้ทำเซอร์ไพร้สผู้มาร่วมงานด้วยกัน ให้เฮลิคอปเตอร์ บินเหนือสนามกีฬา และ โปรยดอกไม้สีเหลือง ซึ่งเป็นสีประจำตัว ประธานาธิบดี อาคิโน่ ซึ่งนับว่าเป็นภาพที่ความงดงามมาก (สีเหลือง เป็นวีที่นาง คอราซอน อาคิโน่ ใช้เป็นสัญลักษณ์ในการเรียกร้องอำนาจอธิปไตย จาก ประธานาธิบดี มาคอส ซึ่งสีเหลือง เป็นตัวแทนของ ความเป็นอิสระ และ ปราศจากพันธนาการทั้งปวง Freedom + independent ซึ่งภายหลัง ประธานาธิบดี อาคิโน (นอย นอย) ได้นำมาใช้เป็นสีประจำตัว ในช่วงการรณรงค์หาเสียงด้วย)?? และ นอกจากจะใช้สีเหลืองเป็นสีประจำตัวแล้ว ประธานาธิบดีอาคิโน่ (นอย นอย) ยังได้เรียกร้องให้ชาวฟิลิปปินส์เรียกตนเองว่า P-Noy ซึ่งย่อมาจาก President Noy ซึ่งก็จะมีเสียงพ้องกับคำว่า Pinoy ที่แปลว่า ชาวฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นการแสดงถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียว และความใกล้ชิดกับประชาชนชาวฟิลิปปินส์ของตนด้วย
จากนั้น เมื่อกล่าวปฏิญาณจบ ก็เป็นช่วงเวลาที่ นอย นอย กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งหน้าที่ต่อหน้าประชาชน ซึ่งประกอบด้วยนโยบาย 4 ด้าน คือ นโยบายแห่งชาติ ซึ่งจะเน้นย้ำเรื่องประชาธิปไตย และ สร้างความเป็นธรรมในสังคม นโยบายด้านการเมือง เน้นการปราบปรามทุจริตฉ้อราษฏร์บังหลวง การโกงการเลือกตั้งของนักการเมือง
การประกาศว่าจะบริหารบ้านเมืองด้วยความซื่อสัตย์และโปร่งใส แก้ปัญหาความขัดแย้งในมินดาเนา รวมถึงการสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชน นโยบายด้านเศรษฐกิจ การดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยว โดยการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน การปฏิรูประบบการจัดเก็บภาษี โดยเน้นการนำภาษีที่จัดเก็บได้ไปใช้ในโครงการด้านสวัสดิการของรัฐ? สุดท้ายคือ นโยบายด้านต่างประเทศ ซึ่งจะเน้นเรื่องการปฏิบัติตามพันธกิจด้านการต่างประเทศ? และการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ
คำกล่าวสุนทรพจน์ของ ประธานาธิบดี เบนิกโน่ ซิมยอน อาคิโน? สามารถสะกดอารมณ์?? สร้างความประทับใจ และ สร้างความเชื่อมั่น ให้แก่พี่น้องประชาชนชาวฟิลิปปินส์ได้เป็นอย่างดี? สังเกตได้จากเสียงปรบมือ? และ เสียงโห่ร้อง YES YES YES !!! ที่ดังขึ้นมาเป็นระยะๆ ตลอดเวลากว่า 20 นาทีที่ประธานาธิบดี คนใหม่ กล่าวสุนทรพจน์
สตรีผู้นี้ คือ หนึ่งในประชาชนผู้สนับสนุน ประธานาธิบดีคนใหม่? เธอแสดงสีหน้าซาบซึ้งใจมาก? เมื่อนอยนอย ให้สัญญาว่าจะปราบปรามทุจริต? และย้ำว่ารัฐบาลของเขาจะไม่มีการคอร์รับชั่น? และ จะช่วยเหลือคนยากจน ?
จากนั้น ประธานาธิบดีคนใหม่ของฟิลิปปินส์ ก็เดินตรวจแถวทหารม้า 1 รอบ
หลังจากตรวจแถวทหารจบ ประธานาธิบดีคนล่าสุดของฟิลิปปินส์ก็ขึ้นไปขอบคุณ แขกที่มาร่วมงาน จากนั้นก็นั่งรถประจำตำแหน่งออกจาก Quirino Grandstand ไปเมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. เนื่องจากตามตารางแล้วจะมีประชุม ครม. นัดแรก ในบ่ายวันที่ 30 มิย. เลย? และในช่วงเย็นวันนี้จะมีงานเลี้ยงรับรองเนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งของ ประธานาธิบดี ฟิลิปินส์ ให้แก่แขกผู้มีเกี่ยรติจากต่างประเทศ โดยมีประธานาธิบดีเป็นเจ้าภาพ ณ ทำเนียบ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ด้วย ซึ่งในการนี้รมต.องอาจ คล้ามไพบูลย์ ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทยได้รับเชิญไปในงานดังกล่าวด้วยเช่นกัน
และทั้งหมดนี้ก็คือ การรายงานบรรยากาศจากงานพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดีคนใหม่ จาก Quirino Grandstand กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เราคงต้องจับตามองกันต่อว่า ตลอดเวลา 6 ปี ของ รัฐบาล ประธานาธิบดี เบนิกโน ซิมยอน อาคิโน ต่อจากนี้จะสามารถแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น ขจัดความยากจนภายในประเทศ และ สร้างความปรองดองให้กับคนในชาติได้ ดังที่สัญญาเอาไว้หรือไม่
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@