- รายละเอียด
-
หมวดหลัก: สาระน่ารู้
-
เผยแพร่เมื่อ: 12 ตุลาคม 2552
-
ฮิต: 13729
1. ผลกระทบของไต้ฝุ่น Ketsana และ Parma
1.1 ผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรม
- พายุไต้ฝุ่นทั้งสองลูกสร้างความเสียหายต่อภาคเกษตรกรรมคิดเป็นมูลค่า 6 พันล้านเปโซ (138 ล้าน USD) โดยแบ่งเป็น ความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่น Ketsana 5.58 พันล้านเปโซ และจาก พายุไต้ฝุ่น Parma 452.8 ล้านเปโซ
- การเพาะปลูกข้าวได้รับความเสียหายมากที่สุด เนื่องจากบริเวณที่ได้รับผลกระทบ เป็นพื้นที่เพาะปลูกข้าวที่สำคัญของฟป. (ตอนกลางของเกาะลูซอน) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเสียหายต่อผลผลิตข้าวเปลือกจำนวน 300,000 ตัน? และ ข้าวโพด ประมง? พืชศก. ต่างๆ
- พายุไต้ฝุ่นทั้งสองลูกจะส่งผลให้ภาคเกษตรกรรมฟป. ขยายตัวลดลงโดยเหลือเพียง? 1.5-2.5% ในปี 52 (จากเดิมตั้งเป้าหมายไว้ที่ 3%)
- ตั้งแต่ต้นปี 52 ฟป. ประสบภัยจากพายุ Labuyo, Maring และไต้ฝุ่น Emong ซึ่งสร้างความเสียหายต่อภาคเกษตรกรรมฟป. ประมาณ 2 พันล้านเปโซ
1.2 ผลกระทบต่อภาคธุรกิจ
- สภาหอการค้าฟป. (Philippine Chamber of Commerce and Industry : PCCI) เปิดเผยว่า พายุไต้ฝุ่น Ketsana ได้สร้างความเสียหายต่อธุรกิจ (เฉพาะในกรุงมะนิลา) มูลค่า 1 พันล้านเปโซ ทั้งนี้ PCCI จะปล่อยเงินกู้จำนวน 5 ล้านเปโซแก่สมาชิกเพื่อใช้ในการฟื้นฟูธุรกิจ
- สภาอุตสาหกรรมฟป (FPI) เปิดเผยว่า 5-10 % ของสมาชิก FPI ได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาด้านน้ำท่วมและคนงานไม่สามารถเดินทางมาทำงานได้
2. นโยบายของรบ.ฟป.
2.1 การฟื้นฟูภาคเกษตรกรรมและให้ความช่วยเหลือเกษตรกร
- รัฐบาลฟิลิปปินส์ประกาศจะชดเชยเมล็ดพันธุ์ข้าวเปลือกแก่เกษตรกรที่ได้รับความเสียหายจากพายุทั้งสองลูก 100% (จำนวนเท่ากับเมล็ดพันธุ์ข้าวทั้งหมดที่ได้รับความเสียหาย)
2.2 การนำเข้าอาหารเพื่อใช้ในการบริโภค
- เมื่อ? ต.ค. 52 ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ได้สั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรนำเข้าอาหารและข้าวที่จำเป็นต่อการบริโภคภายในประเทศ เพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลนอาหารในฟป. และราคาข้าวแพงซึ่งเป็นผลมาจากการประสบไต้ฝุ่นทั้งสองลูก
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์ยืนยันว่า ฟิลิปปินส์จะมีข้าวเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศจนถึงสิ้นปี 52 และจะไม่มีการนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ เพิ่มเติม? ในปี 52 และยังได้แสดงความมั่นใจว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์จะสามารถบรรลุเป้าหมายในการซื้อข้าวจากการผลิตภายในประเทศได้ 17.44 ล้านเมตริกตัน ในปี 52 (เพิ่มจาก 16.81 ล้านเมตริกตัน ในปี 51) ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ได้
- เมื่อ 3 ต.ค. 52 National Food Authority (NFA) ของกษ.ฟป.เปิดเผยว่า ปัจจุบัน NFA มีปริมาณสำรองข้าวเพียงพอต่อการบริโภคภายในปท. 36 วัน หรือ ประมาณ 1.26 ล้านเมตริกตัน และแม้พื้นที่เพาะปลูกข้าวบางส่วนได้รับความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่น Ketsana แต่คาดว่า NFA จะสามารถซื้อข้าวเพิ่มเติมจากพื้นที่ซึ่งไม่ประสบภัยพายุไต้ฝุ่นในฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่จะเริ่มต้นขึ้นในช่วงกลางเดือนต.ค.
- จนถึงปัจจุบัน ฟิลิปปินส์นำเข้าข้าวในปี 2552 จำนวน 1.775 ล้านตัน (ลดลง จากปี 51 ? 2.3 ล้านตัน) โดยเป็นการนำเข้าจากการซื้อขายข้าวระหว่างรบ.ฟป. กับรบ.เวียดนาม จำนวน 1.5 ล้านเมตริกตัน และการนำเข้าในโควตาเอกชน จำนวน 75,000 เมตริกตันจากไทยและปากีสถาน
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์ยอมรับว่า ฟป. อาจประสบปัญหา ขาดแคลนและมีความจำเป็นต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศเพื่อใช้ในการบริโภคภายในประเทศในช่วงต้นปี 2553
2.3 การออกพันธบัตรเพื่อระดมเงินในการฟื้นฟูศก.
- รัฐบาลฟิลิปปินส์กำลังพิจารณาออกพันธบัตรสกุลดอลลาร์สหรัฐมูลค่าจำนวน 250-500 ล้าน USD เพื่อใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และใช้ในโครงการบรรเทาผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่น
- หากแนวความคิดในการออกพันธบัตรข้างต้นได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา การออกพันธบัตรครั้งนี้จะถือเป็นการออกพันธบัตรสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ของรบ.ฟป. ในปี 52? เป็นครั้งที่ 3 โดยในปีนี้ รบ.ฟป. ได้ออกพันธบัตรสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐไปแล้ว 2.25 พันล้าน USD
2.4 การประกาศสถานการณ์ภัยพิบัติ (State of Calamity)
- รบ.ฟป. ได้ประกาศสถานการณ์ภัยพิบัติทั่วฟป. เพื่อเป็นมาตรการป้องกันและแก้ไข การกักตุนสินค้าในฟิลิปปินส์ และการขึ้นราคาสินค้าด้วยการตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในฟป. ให้คงที่