Menu

"เรื่องเล่าของทูตไทย : สวัสดี ฟิลิปปินส์!" บทความในคราวนี้ สถานทูตไทย มีความยินดีแนะนำให้ท่านรู้จักกับเอกอัครราชทูตไทยประจำฟิลิปปินส์ คือ ท่านกุลกุมุท สิงหรา ณ อยุธยา ในโอกาสนี้ ถือเป็นวาระพิเศษจริงๆ ที่ท่านทูตจะมาเล่าเรื่องและเกร็ดต่างๆ ในช่วงเวลา ๓ ปี ที่ได้มาประจำการในฟิลิปปินส์ ?รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์? เป็นคำกล่าวที่ท่านทูตฝากถึงพวกเราคนไทยในฟิลิปปินส์ และคนไทยทุกๆ คน ขอให้ยึดมั่น เคารพและธำรงรักษาไว้

ช่วงเวลา ๓ ปี ในฟิลิปปินส์ ภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ทำงานร่วมกับชุมชนไทยอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ภาคเอกชน นักธุรกิจที่มาตั้งรกรากและมาสร้างครอบครัวที่นี่? แม่บ้าน นักกีฬา ตลอดจนนักเรียนและนักศึกษา ... ภูมิใจที่เห็นคนไทยมีการครองตนและปฏิบัติตนที่ดี ... ภูมิใจและดีใจที่เห็นพวกเรารักษาเอกลักษณ์ ความเป็นไทยโดยเฉพาะการไหว้ ยิ้มสยามและการมีอัธยาศัยไมตรี ... และจะยิ่งภูมิใจมากๆ เมื่อเห็นชุมชนไทยเข้มแข็ง สมัครสมานสามัคคี เป็นมิตร และช่วยเหลือชุมชน/สังคมฟิลิปปินส์ ด้วยน้ำใจคนไทยในยามที่ฟิลิปปินส์ประสบความทุกข์ยาก เช่น ภัยพิบัติธรรมชาติต่างๆ

แม้ว่าชุมชนไทยในฟิลิปปินส์จะไม่ใหญ่มาก มีจำนวนประมาณ ๖๕๐ คน แต่ก็ถือว่าพวกเราอยู่ด้วยกัน อย่างมีเครือข่ายรู้จักกันทั้งในกลุ่มทีมประเทศไทย ข้าราชการ นักธุรกิจ นักเรียน นักศึกษา แม่บ้าน ... อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เมื่อมีทุกข์ มีปัญหา สถานทูตไทยก็พยายามหาทางช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทั้งปัญหาการงาน การลงทุน การดำเนินธุรกิจ และการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จากเรื่องวีซ่าทำงาน วีซ่านักเรียน
หนังสือเดินทาง ...? อยู่ด้วยกันด้วยการเตือนภัยซึ่งกันและกันจากภัยธรรมชาติพายุไต้ฝุ่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว ภูเขาไฟ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นกิจวัตรประจำวันสำคัญ สำหรับการดำรงชีวิตของพวกเราในฟิลิปปินส์ ให้ปลอดภัย โดยไม่ให้พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง เจ้านาย ผู้บังคับบัญชาที่บ้านเราเป็นห่วงกังวล

ภาคภูมิใจที่เห็นเอกลักษณ์ของไทยเราเป็นที่ชื่นชอบของชาวฟิลิปปินส์ ตั้งแต่ตลาดนัดจตุจักร ประตูน้ำ เรื่องอาหารไทย ผลไม้ไทย โดยเฉพาะผัดไทย ข้าวคลุกกะปิ ต้มยำกุ้ง มะขวานหวาน ลองกอง? ข้าวเหนียวมะม่วง ชาเย็น เบียร์ไทย ... จนไปถึงศิลปะมวยไทย ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าชาวฟิลิปปินส์ชอบกีฬาชกมวย อยู่ในสายเลือดเหมือนบ้านเรา ... การทูตเชิงวัฒนธรรมและเชิงกีฬา ?ผัดไทยผูกมิตร ลองกองคล้องใจฟิลิปปินส์ และการทูตมะขามหวาน หวานๆ แบบไทย? ต่างๆ เหล่านี้จึงเป็นกุศโลบายทางการทูตที่พวกเราคนไทย ใช้ในการผูกมิตร สร้างมิตรประเทศไทยกับชาวฟิลิปปินส์ และเสริมสร้างภาพลักษณ์จุดแข็งของประเทศไทย

ในแวดวงกีฬา เซปักตะกร้อถือเป็นกีฬาที่ไทยกับมาเลเซียเป็นคู่ปรับตลอดกาล .... เฉกเช่นมวย ... มวยสากลสมัครเล่นนอกจากเป็นกีฬาที่ทั้งไทย และฟิลิปปินส์เป็นมหาอำนาจกีฬาด้านนี้ในอาเซียนแล้ว ยังเป็นชนิดกีฬา ที่คนทั้งประเทศฝากความหวังไว้อย่างมากตั้งแต่ซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์ และโอลิมปิก ... นักมวยทั้งสองชาติพบกันบนเวทีเมื่อไหร่ ก็เชียร์กันสนุก ..... ซึ่ง ณ วินาทีนี้ หากไม่กล่าวถึงนักมวยอาชีพฟิลิปปินส์ ก็ถือว่าเชยมากๆ ครับ เพราะนักมวยชื่อดังของฟิลิปปินส์กำลังเขย่าโลกให้สะท้าน และทำให้โลกหยุดนิ่งได้ .... ชกชนะมาหมดตั้งแต่เก่งเล็กไปจนถึงเก่งใหญ่ จนกลายเป็นวีรบุรุษของชาติไปแล้ว? ล่าสุดเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน เร็วๆ นี้ ในวันถ่ายทอดสดชกมวย ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ ช่วงเวลาเช้าแก่ๆ นครมะนิลาจะเงียบ ถนนโล่ง จราจรไม่ติดขัดบนท้องถนน เพราะผู้คนจะเฝ้าดูการถ่ายทอดสดกันถ้วนหน้า นอกจากสถานที่ที่รับสัญญาณถ่ายทอดสด อาทิ โรงแรม และสโมสรต่างๆ แล้ว ยังสามารถชม และดูกันได้ตามสถานที่สาธารณะต่างๆ เช่น โรงภาพยนตร์ ร้านค้าและห้างสรรพสินค้า รวมทั้งการรับฟังรายงานข่าวสดแบบยกต่อยกจากวิทยุ ถือเป็นช่วงเวลา ที่ชาวฟิลิปปินส์มีความสุขพร้อมกันทั่วประเทศ

จากวีรบุรุษกีฬามวย จะขอเล่าถึงเรื่องการยกย่องการทำงาน ของคนชาติฟิลิปปินส์เองที่กลายเป็นวีรบุรุษ / วีรสตรีของชาติ พวกเราคงทราบกันดีว่า มีชาวฟิลิปปินส์ไม่น้อยไปทำงานทั้งภาคบนบกในหลายๆ ประเทศ และภาคท้องทะเลบนเรือบรรทุกสินค้า เรือสำราญโดยสารระหว่างประเทศ รวมทั้งไปพำนักอาศัยอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก มากถึง ๑๐ ล้านคน จากประชากร ๙๐ ล้านคน และในปีหนึ่งๆ คนฟิลิปปินส์ที่ทำงานในต่างประเทศเหล่านี้ หรือเรียกย่อๆ ว่า OFW (Overseas Filipino Workers) จะส่งเงินรายได้กลับสู่ฟิลิปปินส์มูลค่าสูงถึง ๑๖-๑๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ? เงินที่ถูกส่งกลับมาประเทศ จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อประชาชนภายในประเทศมาก? ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการจับจ่ายใช้สอย และการบริโภคในประเทศ ตลอดจนการสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวในการทำมาหาเลี้ยงชีพ และการลงทุนต่างๆ? ของครอบครัวและญาติพี่น้อง เช่น การสร้างบ้านเรือนที่อยู่อาศัย การส่งค่าเล่าเรียนให้แก่ลูก ฯลฯ ด้วยการเสียสละเช่นนี้จึงทำให้สังคมฟิลิปปินส์ยกย่องเปรียบเทียบว่า OFW เป็นวีรบุรุษ/วีรสตรีของประเทศ

ในบ้านเรา ชาวฟิลิปปินส์ที่เข้าไปทำงานส่วนมาก จะอยู่ในสาขาอาชีพครูตั้งแต่ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาและอุดมศึกษา ตลอดจนนักร้องนักดนตรี ซึ่งต้องยอมรับว่าคนฟิลิปปินส์มีพรสวรรค์ตามธรรมชาติจริงๆ ในการร้องเพลงและเล่นดนตรี ... พวกเราคนไทยคงรู้จักกันดีอยู่แล้วจากวงดนตรีอมตะของไทยหลายวง และนักร้องลูกครึ่งไทย-ฟิลิปปินส์ ชายหญิงหลายๆ ท่าน

อีกเรื่องหนึ่งที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของชาวฟิลิปปินส์ที่น่าเคารพ คือ ความเลื่อมใสและความเคร่งในคริสตศาสนานิกายโรมันคาธอลิค ในวันเสาร์ และอาทิตย์จะเห็นครอบครัวชาวฟิลิปปินส์ตั้งแต่รุ่นลูกรุ่นหลาน และเหลน จูงมือคุณทวด คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย เข้าโบสถ์ ... สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมและประเพณีที่เหมือนกันกับสังคมบ้านเรา ก็คือ? การเคารพดูแลเอาใจใส่ผู้อาวุโส ... .. ครอบครัวจึงถือเป็นสถาบันหลักทางสังคมที่นี่ นอกจากนี้ ทางสถานทูตไทยยังมีโอกาสได้พบปะและสนทนาธรรมะอยู่เนื่องๆ กับบาทหลวงและแม่ชีคริสต์ คนไทยหลายๆ ท่านที่เดินทางมาค้นคว้า ศึกษาและเรียนรู้ศาสนวิทยาที่ฟิลิปปินส์

ในด้านการทำงานที่ฟิลิปปินส์? มีสิ่งที่ท้าท้ายในงานหลายๆ ด้าน .... ในช่วง ๓ ปี เห็นได้ว่าการทำงานร่วมกัน อย่างน้ำหนึ่งใจเดียวระหว่างข้าราชการ ภาคเอกชน และชุมชนไทยได้เป็นปัจจัยสำคัญต่อการสร้างสัมพันธไมตรี?? ที่ใกล้ชิดระหว่างทั้งสองประเทศ .... ในการบริหารราชการในฐานะที่ผมเป็นหัวหน้าทีม ที่นี่มีทีมประเทศไทยที่มีประสิทธิภาพ และเป็นมืออาชีพ โดยทุกคนรู้หน้าที่ในการทำงานของแต่ละฝ่ายกันอย่างดี ตั้งแต่การบินไทย เครือปูนซิเมนต์ไทยหรือ SCG ซีพี? ปตท. อิตัลไทย เป็นต้น? ทำให้สถานทูตไทยสามารถประสาน ริเริ่ม แก้ไข และผลักดันเรื่องต่างๆ กับฝ่ายฟิลิปปินส์ได้เป็นอย่างดี อาทิ การเสริมสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนของไทยในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ? การฟื้นฟูภาพลักษณ์ประเทศไทย จากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองของบ้านเรา ซึ่งเป็นงานที่ท้าทายและต้องขยันทำงานอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการสร้างชุมชนไทยเข้มแข็ง และการส่งเสริม การท่องเที่ยวด้วยการนำเสนอจุดแข็งที่เป็นจุดขายของบ้านเรา ตั้งแต่สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และธรรมชาติ อาหารไทยที่หลากหลาย ความสะดวกสบายในการเดินทาง และสำคัญที่สุด คือ การมีน้ำใจ และมิตรไมตรีของคนไทยต่อนักท่องเที่ยว

เดี๋ยวนี้ฟิลิปปินส์เค้าทึ่งประเทศไทยมากในหลายๆ เรื่อง .... ตั้งแต่ความเจริญด้านอุตสาหกรรมการเกษตร และความอุดมสมบูรณ์ในอาหารและผลิตผลทางการเกษตร โดยเฉพาะข้าวไทยข้าวหอมมะลิ ซึ่งมีรสชาติ ที่ชาวฟิลิปปินส์ชอบรับประทาน ที่นี่นอกจากข้าวไทยแล้ว ยังมีข้าวจากเวียดนามที่ส่งมาขายในฟิลิปปินส์ ตลอดจนไปถึงเรื่องการแก้ไขปัญหาการจราจรที่ติดขัดในกรุงเทพฯ ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาได้จากการพัฒนาความทันสมัยของระบบทางด่วน รถไฟลอยฟ้าและรถไฟใต้ดิน และเรื่องการเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในภูมิภาค ซึ่งชาวฟิลิปปินส์ชอบบ้านเรามาก เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย อาหารอร่อยไม่แพง ข้าวของราคาถูก ซึ่งสามารถจับจ่ายใช้สอยได้แบบราคาไม่แพงเกินความเป็นจริง เดินทางสะดวกสบาย และอัธยาศัยไมตรี ของคนไทย

ในช่วงการทำงานที่นี่? ดีใจครับที่เห็นกรุงเทพฯ กับกรุงมะนิลาใกล้ชิดกันมากขึ้น จากการมีความสัมพันธ์ในลักษณะเมืองพี่เมืองน้อง ทำให้ทั้งสองเมืองมีการแลกเปลี่ยนการติดต่อ ระหว่างเจ้าหน้าที่ทางราชการ และการกระชับความร่วมมือในด้านวัฒนธรรม นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังได้ร่วมกันจัดงานฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ ๖๐ ปี ไทย-ฟิลิปปินส์ เมื่อเดือนมิถุนายน ๒๕๕๒ ซึ่งถือเป็นงานใหญ่ที่ชุมชนไทยมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน จนทำให้การฉลองความสัมพันธ์ในระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล และประชาชนต่อประชาชนประสบผลสำเร็จอย่างดีมาก ทั้งการฉลองที่ฟิลิปปินส์ และที่ประเทศไทย

?รู้เขา รู้เรา? และ ?รู้จักจุดแข็งจุดอ่อน? ถือเป็นกลยุทธอย่างดีในการทำงาน และการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างไปจากบ้านเรา เพราะจะทำให้เรามีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ และอย่างถูกต้องในเนื้องานนั้นๆ และสามารถมองงานไปข้างหน้าในอนาคตได้

ท้ายสุดนี้ เนื่องในโอกาสเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ๒๕๕๓ และต้อนรับปีใหม่? ๒๕๕๔? ท่านทูตฝากคำอวยพร ด้วยการขออารธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ช่วยคุ้มครองให้ทุกๆ ท่านประสบความสุข ความเจริญ และความสำเร็จในชีวิต ตลอดจนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงตลอดไป

**************************

การเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
ในโอกาสการจัดงานวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๓
ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูต กรุงมะนิลา



การประชุมทีมประเทศไทยร่วมกับส่วนราชการและภาคเอกชนไทย
การทำงานอย่างบูรณาการเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-ฟิลิปปินส์
และความสัมพันธ์ไทย-ปาเลา ตลอดจนการให้บริการการตรวจสุขภาพแก่ชุมชนไทย
เมื่อ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมะนิลา

การทูตเชิงวัฒนธรรม
การจัดงานลอยกระทงที่โรงแรม Shangri La Mactan จ.เซบู
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมะนิลา ร่วมกับโรงแรมฯ
จัดงานลอยกระทงและเทศกาลอาหารไทย
โดยเอกอัครราชทูต ณ กรุงมะนิลา กล่าวเปิดงาน เมื่อ ๓๐ ต.ค. ๒๕๕๓
และการจัดกงสุลสัญจรของสถานทูตไทยเพื่อเยี่ยมเยียน และพบปะชุมชนไทยในเซบู

การทูตเชิงสาธารณสุข
สถานทูตไทยให้บริการตรวจสุขภาพแก่ข้าราชการ ทีมประเทศไทย ชุมชนไทย
และครอบครัว พร้อมทั้งการจัดบรรยายการป้องกันตัวจากโรคไข้เลือดออก
เมื่อ ๑๑ พ.ย. ๒๕๕๓ ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมะนิลา